วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โรคความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูง

     ทุกๆคนต้องมีความดันโลหิต เพราะความดันโลหิต จะเป็นแรงผลักดัน ให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนั้นทุกคนควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับความดันโลหิต และรักษาให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดหลอดแข็งและตีบเมื่อหัวใจบีบตัวหัวใจจะบีบเลือดไปยังหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดความดันโลหิตซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจ และแรงต้านทานของหลอดเลือด หัวใจคนเราเต้น 60-80ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัว และลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นกับท่า ความเครียด การออกกำลังกาย การนอนหลับ แต่ไม่ควรเกิน 140/90หากสูงกว่านี้แสดงว่าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง

     ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะมีอาการอย่างไร
    1.ปวดศีรษะ มึนงง โดยทั่วไปจะปวดบริเวณท้ายทอย และมักจะเป็นในตอนเช้า ถ้าความดันโลหิตสูงมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะมีอาการคลื่นไส้ และตามัวร่วมด้วย ในบางรายอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย
    2.เหนื่อยง่าย เนื่องจากหัวใจต้องทำงาน
    3.เลือดกำเดาออก

   ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูง
   1.บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย พี่ ป้า น้า อา มีประวัติเป็นความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือเบาหวานมาก่อน
   2.เส้นโลหิตใหญ่ตีบตัน ได้แก่ เส้นโลหิตใหญ่ในช่องท้องหรือเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงไตตีบตัน ถ้าเป็นระยะแรก ๆ ในคนหนุ่มสาวจะแก้ไขได้โดยการทำผ่าตัด
   3.มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต แก้ไขโดยการทำผ่าตัด
   4.โรคครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดรวมกับการตั้งครรภ์ ความดันโลหิตจะลดลงภายหลังคลอด
   5.โรคไต เช่น ไตอักเสบ หรือโรคไตเรื้อรังบางชนิด
   6.ใช้ยาคุมกำเนิดในสตรีบางคน ความดันโลหิตจะหลับปกติเมื่อหยุดยา

   ถ้าสงสัยว่าความดันโลหิตผิดปกติควรทำอย่างไร
   1.งดอาหารที่มีรสเค็ม เช่น ไข่เค็ม กะปิ เต้าเจี้ยว หมูเค็ม ฯลฯ อาหารที่รับประทานควรปรุงด้วยเกลือหรือน้ำปลายน้อยที่สุด
   2.ลดอาหารมันทุกชนิด และหลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ เช่น ขาหมู หมู 3ชั้น อาหารประเภททอดหรือผัดอาหารที่ปรุงด้วยกะทิ ใช้น้ำมันพืชในการปรุงอาหารควรรับประทานไข่ไม่เกิยอาทิตย์ละ3ฟองหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาย เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เกี่ยมอี๋ วุ้นเส้น เผือก มัน ขนมหวาน และผลไม้ที่มีรสหวาน เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่
   3.งดบุหรี่ และเหล้า
   4.ทำจิตใจให้สบายไม่เครียดและวิตกกังวล หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิด โมโห ตื่นเต้น
   5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยการเดิน วิ่งขี่จักรยาน โดยเริ่มทีละน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึง 30-45 นาทีต่อวันการออกกำลังกายจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความเครียดและทำให้หัวใจสูบฉีดโลหิตดีขึ้น แต่ไม่ควรออกกำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงดึงดัน กลั้นหายใจหรือแบ่ง เช่น การชักเย่อ ยกน้ำหนักวิดน้ำ เป็นต้น
  6.สตรีที่มีความดันโลหิตสูงจากยาคุมกำเนิดควรหยุดยา ปรึกษาแพทย์และพยาบาลเพื่อหาวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม
  7.รับประทานยาตามที่แพทย์และพยาบาลแนะนำและมาตรวจตามนัด ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง

      ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดภาวะ ความดันโลหิตสูง ได้ โดยการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง อาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารกลุ่มไขมัน ควรให้อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และจำพวกกะทิ อีกทั้ง อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลขัดขาวทุกชนิด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น 

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ส่วนผสม

น้ำสับปะรด 240 กรัม (1/4 ผลใหญ่)
น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)
วิธีทำ
นำสับปะรดล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วล้างอีกครั้ง คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ
ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหาร มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสมากช่วยบำรุงกระดูก และฟันรองลงมามีวิตามินซีช่วยป้องกันโรคเลือด ออกตามไรฟัน
คุณค่าทางยาช่วยย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ลดอาการ อักเสบ บวม ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ช่วยขับ เสมหะ
ส่วนผสม

มะเฟืองหั่น 40 กรัม (1 ผลเล็ก)
น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5 ช้อนชา)
น้ำต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว)

วิธีทำ
ล้างมะเฟืองที่แก่จัดให้สะอาด หั่น แกะเมล็ดออกแล้วนำใส่เครื่องปั่น เติม น้ำสุกปั่นละเอียดแล้วเติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมดูรสตามใจชอบ ถ้าต้องการเก็บ ไว้ดื่ม ให้ตั้งไฟให้เดือด 3-5 นาที กรอกใส่ขวด นึ่ง 20-30 นาที เย็นแล้วเข้า ตู้เย็น จะได้น้ำมะเฟืองสีเหลืองอ่อนๆ ดื่มแล้วชื่นใจ
ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหาร น้ำมะเฟืองมีสีเหลืองอ่อนๆ มีกลิ่นหอม ประกอบ ด้วยคุณค่าของวิตามินเอ วิตามินซี ฟอสฟอรัส และแคลเซียมเล็กน้อย
คุณค่าทางยาเป็นยาขับเสมหะ ป้องกันโรคโลหิตจาง ขับปัสสาวะ รวมทั้งป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
ส่วนผสม

เนื้อมะขามสด หรือเปียก 20 กรัม (2 ฝักใหญ่)
น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5ช้อนชา)
น้ำเปล่า 240 กรัม (16 ช้อนคาว)

วิธีทำ

นำมะขามสดไปลวกในน้ำต้มเดือด ตักขึ้นแกะเอาแต่เนื้อมะขาม นำไป ต้มกับน้ำตามส่วนผสม
ให้เดือด เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ แต่ถ้าใช้มะขามเปียก ควรแช่น้ำไว้สัก 1/2 ชั่วโมง เพื่อให้มะขามเปียก เปื่อยยุ่ยออกมารวมกับน้ำ ก่อนนำไปต้มจนเดือด แล้วปรุงด้วยน้ำเชื่อม และเกลือ
ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และมีแคลเซียมช่วย บำรงกระดูก รวมทั้งแก้กระหายน้ำ

คุณค่าทางยาช่วยขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบายท้อง ช่วยการ ขับถ่ายได้ดี ลดอาการโลหิตจาง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ส่วนผสม

ฝรั่งแก่จัด (หันชินเล็ก ๆ) 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
น้ำต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว)
น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว)
เกลือป่นเล็กน้อย 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)

วิธีทำ

เลือกฝรั่งที่แก่จัด ล้างน้ำสะอาด ฝานเฉพาะเนื้อชิ้นเล็ก ๆ นำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก ปั่นจนละเอียด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมรสตามใจชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีสารเบต้า-คาโรทีน ช่วยลดสารพิษในร่างกาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้ไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว

คุณค่าทางยาช่วยลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วย เส้นเลือดอุดตัน

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทที่4

น้ำสมุนไพร
ส่วนผสม
เชอรี่ 100 กรัม (7 ช้อนคาว)
น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
น้ำเปล่าต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม(1/5 ช้อนชา)
วิธีทำ
เลือกเชอรี่เด็ดก้านล้างให้สะอาด นำไปใส่เครื่องปั่นใส่น้ำต้มครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียดนำไปกรองเอาแต่น้ำ นำน้ำเปล่าต้มสุกส่วนที่เหลือใส่ลง ไปคั้นกับกากเชอรี่ให้แห้งมากที่สุดนำน้ำเชอรี่ที่คั้นได้ใส่น้ำเชื่อมเติมเกลือ ชิมรสตามชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีสูงมาก ช่วยป้องกันโรคเลือดออก ตามไรฟัน
คุณค่าทางยาช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง